ท่านผู้เป็นศาสดาของเทวะและมนุษย์ทั้งหลาย ซึ่งได้พัฒนาตนจนถึงภาวะสูงสุด พ้นไปแล้ว ทั้งจากความเป็นเทพเจ้า และความเป็นมนุษย์ ดังพุทธพจน์ (องฺ.จตุกฺก.21/36/48) ต่อไปนี้
ครั้งหนึ่ง เมื่อพระพุทธเจ้ากำลังเสด็จพุทธดำเนินทางไกล พราหมณ์ผู้หนึ่ง ซึ่งได้เดินทางไกลทางเดียวกับพระองค์ มองเห็นรูปจักรที่รอยพระบาทแล้ว มีความอัศจรรย์ใจ ครั้นพระองค์เสด็จลงไปประทับนั่งพักที่โคนต้นไม้ต้นหนึ่งข้างทาง พราหมณ์เดินตามรอยพระบาทมา มองเห็นพุทธลักษณาการที่ประทับนั่ง สงบลึกซึ้ง น่าเลื่อมใสยิ่งนัก จึงเข้าไปเฝ้า แล้ว
ทูลถาม: ท่านผู้เจริญคงจักเป็นเทพเจ้า
ตรัสตอบ: เทพเจ้าเราก็จักไม่เป็น
ทูลถาม: ท่านผู้เจริญคงจักเป็นคนธรรพ์
ตรัสตอบ: คนธรรพ์เราก็จักไม่เป็น
ทูลถาม: ท่านผู้เจริญคงจักเป็นยักษ์
ตรัสตอบ: ยักษ์เราก็จักไม่เป็น
ทูลถาม: ท่านผู้เจริญคงจักเป็นมนุษย์
ตรัสตอบ: มนุษย์เราก็จักไม่เป็น
ทูลถาม: เมื่อถามว่า ท่านผู้เจริญคงจักเป็นเทพ ท่านก็กล่าวว่า เทพเราก็จักไม่เป็น เมื่อถามว่า ท่านผู้เจริญ คงจักเป็นคนธรรพ์...เป็นยักษ์...เป็นมนุษย์ ท่านก็กล่าวว่า จักไม่เป็น เมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านผู้เจริญจะเป็นใครกันเล่า
ตรัสตอบ: นี่แน่ะพราหมณ์ อาสวะเหล่าใด ที่เมื่อยังละไม่ได้ จะเป็นเหตุให้เราเป็นเทพเจ้า...เป็นคนธรรพ์...เป็นยักษ์...เป็นมนุษย์ อาสวะเหล่านั้น เราละได้แล้ว ถอนรากเสียแล้ว...หมดสิ้น ไม่มีทางเกิดขึ้นได้อีกต่อไป
"เปรียบเหมือนดอกอุบล ดอกปทุม ดอกบุณฑริก เกิดในน้ำ เจริญในน้ำ แต่ตั้งอยู่พ้นน้ำ ไม่ถูกน้ำฉาบติด ฉันใด เราก็ฉันนั้นเหมือนกัน เกิดในโลก เติบโตขึ้นในโลก แต่เป็นอยู่เหนือโลก ไม่ติดกลั้วด้วยโลก ฉันนั้น นี่แน่ะพราหมณ์ จงถือเราว่าเป็น "พุทธะ" เถิด” (องฺ.จตุกฺก.21/36/48)
(ข้อความมีลักษณะเล่นถ้อยคำ จึงแปลรักษาสำนวน เพื่อผู้ศึกษามีโอกาสพิจารณา)
ตัวอย่างการตีความจากหนังสือจากตำรา ยิ่งไปอ่านพระสูตรยาวๆก็ยิ่งหลงสำนวน เขาก็บอกอยู่แล้วว่า อาสวกิเลสที่ทำให้เป็นคน เป็นมนุษย์ ฯลฯ ถูกละไปหมดแล้ว เพราะฉะนั้น เรียกฉันว่า "พุทธะ" เถิดนะพราหมณ์ ก็แค่นั้น
ส่วนนักอภิธรรมก็วาดแผนภูมิ
Create Date : 16 มิถุนายน 2564Last Update : 16 มิถุนายน 2564 5:14:35 น.0 commentsCounter : 13 Pageviews.(โหวต blog นี้)
ชื่อ :สมาชิกหมายเลข 5378236 Comment :
댓글