top of page
Writer's pictureนันทวุฒิ อัครสันตติกุล

*โพสต์ที่ 15* พุทธองค์ ทรงเมตตา ตรัสว่าไว้อันหัวใจ ในพุทธะ ศาสนาคือทำดี มีจิตใจ ใฝ่เมตตาสิ่งชั

*โพสต์ที่ 15*

พุทธองค์ ทรงเมตตา ตรัสว่าไว้

อันหัวใจ ในพุทธะ ศาสนา

คือทำดี มีจิตใจ ใฝ่เมตตา

สิ่งชั่วช้า จงอย่าหมาย ได้กระทำ

อันความดี ที่ได้ทำ จะนำผล

ส่งให้ตน พ้นเวียนว่าย ได้ขึ้นฝั่ง

ทั้งดับทุกข์ ที่ลุกโหม โรมประดัง

คืนกลับหลัง ฝั่งเคยเนา เข้านิพพาน

ในหมื่นพัน อันความดี ที่มีอยู่

กตัญญู รู้คุณนี้ เป็นที่หนึ่ง

ผู้บำเพ็ญ เน้นหนักไว้ ให้คำนึง

ต้องเข้าถึง ซึ่งคำนั้น กตัญญุตา

จะได้ชื่อ ถือธรรมะ กระนั้นหรือ

หากลืมมือ ที่ถือช้อน ป้อนอาหาร

ลืมไออุ่น ละมุนเหลือ เมื่อวันวาน

พระประธาน ในบ้านหนา อย่าลืมเลือน

คุณบิดา มารดานั้น ท่านกล่าวไว้

สิ่งใดๆ ก็ไม่เทียบ เปรียบได้หนา

จากแบเบาะ เตาะแตะไซร้ จนใหญ่มา

รู้ไหมว่า ล้ากายใจ เท่าใดกัน

เก้าเดือนไซร้ อยู่ในครรภ์ อันยาวนาน

สามเดือนผ่าน อาหารเลี่ยน อาเจียนแพ้

ฝืนกินไป ด้วยใจห่วง เจ้าดวงแด

ความหวังแม่ แค่เห็นเจ้า เฝ้าเติบโต

ผ่านหกเดือน เริ่มเคลื่อนไหว กายไปมา

ทั้งแขนขา หน้าตากลม สมบูรณ์ใส

เจ็บปวดเหลือ เมื่อมือเท้า เจ้าแกว่งไกว

น้ำตาไหล ในบางครั้ง เจ้าพลั้งมือ

จะลุกเหิน เดินหรือนั่ง ทั้งลำบาก

แต่ถึงยาก มากเท่าใด ไม่บ่นว่า

กว่าลูกน้อย กลอยใจเล่า เจ้าลืมตา

ทั้งแขนขา กายาปวด รวดระบม

ได้เวลา ลืมตาเกิด กำเนิดไซร้

เจ็บปวดใด ก็ไม่เทียบ เปรียบเปรยได้

ชีวิตแม่ แขวนแค่เส้น เป็นกับตาย

เลือดเป็นสาย จากกายท้น ปนน้ำตา

ความเจ็บนั้น พลันสลาย มลายสิ้น

เมื่อแว่วผิน ยินสำเนียง เสียงลูกร้อง

ได้เห็นหน้า น้ำตานั้น พลันไหลนอง

มือทั้งสอง ประคองร่าง อย่างดีใจ

อุ้มลูกน้อย กลอยใจเล่า เข้าแนบอก

ใช้กายปก กกลูกมั่น หวั่นเหลือบลิ้น

นมอกอุ่น ละมุนอ่อน ป้อนดูดกิน

เพียงถวิล เจ้ายินดี เปรมปรีดิ์ใจ

เก้าเดือนหนอ ที่รอเฝ้า เจ้าลืมตา

บัดนี้หนา เห็นหน้าแล้ว แก้วใจเอ๋ย

อุ่นไออก ทารกอ่อน นอนหนุนเกย

ยากเฉลย เอ่ยวจี สุขนี้นา

เฝ้าถนอม และกล่อมเกลี้ยง เลี้ยงดูเจ้า

ยามนอนเล่า เฝ้าไกวเปล เห่กล่อมไซร้

ยามตื่นนอน ป้อนนมน้ำ ให้ตามใจ

อยู่ชิดใกล้ ไม่ห่างเจ้า เฝ้าดูแล

บางทีเล่า เจ้าร้องคราง กลางดึกดื่น

จำต้องฝืน ตื่นมาเห่ ไกวเปลกล่อม

กลัวยุงลิ้น จะบินไต่ เหลือบไรตอม

เปลี่ยนผ้าอ้อม พร้อมสำรวจ ตรวจร่างกาย

ยามป่วยไข้ ไม่สบาย กายเจ้าสั่น

พ่อแม่นั้น ทุกข์หวั่นใจ เท่าใดหนา

แม้ดึกดื่น ฝืนทนเฝ้า เจ้าลูกยา

ยอมเหนื่อยล้า ไม่ว่าบ่น ทนเพื่อใคร

ผ่านหนึ่งปี บัดนี้เล่า เจ้าคลานเดิน

ด้วยเพลิดเพลิน เกินระวัง พลั้งพลาดหนอ

เจ็บตัวมา น้ำตาใส เจ้าไหลคลอ

แม่กับพ่อ ก็เจ็บไป ไม่แพ้กัน

ได้เวลา ศึกษาเรียน เข้าเขียนอ่าน

ต้องเตรียมการ ทุกด้านไว้ ในล่วงหน้า

ค่าสมุด ค่าชุดเทอม เพิ่มขึ้นมา

ต้องเตรียมหา ล่วงหน้าไว้ ให้ลูกเรียน

ขอเพียงว่า อนาคต เจ้าสดใส

ทุ่มเทให้ ไม่ประวิง ทุกสิ่งอย่าง

แม้ไม่มี เร่งรี่หา มาทุกทาง

หยิบยืมบ้าง ในบางครา ก้มหน้าเอา

กว่าจะครบ จบศึกษา ออกมาไซร้

เหงื่อรินไหล เท่าใดกัน สองท่านนี้

หวังเพียงว่า ลูกยาเล่า เจ้าได้ดี

ไม่เคยมี ที่ท้อแท้ พ่อแม่เรา

จบออกมา มีหน้าที่ มีคู่ครอง

สมใจปอง ของพ่อแม่ มาแต่ไหน

จากนั้นเล่า เจ้าก็เพลิน ห่างเหินไป

ปล่อยเอาไว้ ไม่แลดู ผู้เลี้ยงมา

เพลินกับงาน ลืมบ้านเก่า เจ้าเคยอยู่

เพลินกับคู่ ลืมอู่นอน ก่อนเดียงสา

เพลินกับมิตร ลืมคิดมอง สองชรา

ลืมแล้วหนา แววตานี้ ที่ห่วงใย

จำได้ไหม ใครไกวเปล เห่กล่อมเจ้า

อกใครเล่า เจ้าแอบอุ่น หนุนแทนหมอน

ใช้กายห่ม บังลมหนาว คราวเจ้านอน

ยามเจ้าร้อน ผ่อนเย็นให้ ใช้พัดวี

เจ้าจะเมิน ห่างเหินไป ก็ไม่ว่า

เพียงกลับมา เวลาว่าง บ้างได้ไหม

แค่อยากเห็น ผู้เป็นกว่า แก้วตาดวงใจ

อยากลูบไล้ ใบหน้าเจ้า ดังเก่ามา

เพียงเท่านี้ ที่จะขอ วอนต่อเจ้า

อยากแนบเนา ดังเก่ามา แก้วตาเอ๋ย

อยากยินเสียง สำเนียงเจ้า ดังเก่าเคย

อยากชิดเชย เหมือนเคยที่ เรามีกัน

ทุกๆท่าน อันบิดา มารดานี้

ยากวจี ที่จะเปรย เอ่ยคุณท่าน

เฝ้าดูแล ตั้งแต่ครั้ง ยังในครรภ์

จวบจนครั้น เรานั้นไซร้ เติบใหญ่มา

บุญคุณไซร้ ใหญ่กว่าฟ้า มหาสมุทร

ควรหรือบุตร ไม่หยุดคิด พินิจถึง

เติบโตมา อย่าลืมใคร ไกวเปลดึง

อย่าลืมซึ่ง หนึ่งห่วงหา หนึ่งอาทร

ตอบแทนให้ ด้วยใจที่ มีสำนึก

ต้องระลึก ตรึกตรองอยู่ มิรู้หาย

บุญคุณนี้ ที่ให้เกิด กำเนิดกาย

บุตรทั้งหลาย อย่าได้ผิด คิดลืมเลือน

กตัญญู ผู้รู้นั้น ท่านกล่าวไว้

เป็นหัวใจ ในการเรียน เพียรธรรมหนา

หากว่าใคร ใจผิดผัน กตัญญุตา

ทางกลับฟ้า ตรงหน้าไซร้ หาไม่เจอ

รู้สำนึก ระลึกถึง ซึ่งบุญคุณ

เป็นต้นทุน หนุนนำรู้ สู่วิถี

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั่วทิศไซร้ ใจเดิมที

ต่างล้วนมี สิ่งนี้อยู่ ใจรู้คุณ

เข้าให้ถึง ซึ่งคำนั้น กตัญญู

เป็นประตู สู่จิตเดิม แรกเริ่มไซร้

ทารกอ่อน เจ้านอนตื่น ฟื้นวันใด

จะเข้าใจ ในรักแท้ แม่เดิมตน

*สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้เมตตากล่าวไว้ว่าในหมื่นพันความดีทั้งหลายทั้งปวงนั้นความกตัญญูเป็นความดีอันดับที่หนึ่ง การรู้จักตอบแทนคุณบิดามารดาและผู้มีพระคุณเป็นพื้นฐานที่สำคัญยิ่งของความเป็นมนุษย์ แม้เราจะสร้างความดีมากมายแต่ถ้าหากเราบกพร่องในด้านความกตัญญูแล้วก็ยังไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นคนดีโดยสมบูรณ์ ทุกท่านบุญคุณของบิดามารดานั้นยิ่งใหญ่นักยากที่จะบรรยายได้หมด สิ้นท่านต้องอาศัยแรงกายแรงใจเป็นอย่างมากในการเลี้ยงดูเราตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นทารกจนกระทั่งเติบโตเป็นผู้ใหญ่ มอบความรักความห่วงใยความเมตตาอาทรให้แก่เราด้วยความจริงใจและความบริสุทธิ์ใจ ความรักของสามีภรรยานั้นมีวันที่จะจืดจางได้ ความรักของมิตรสหายนั้นมีวันที่จะเปลี่ยนแปลงได้ แต่ความรักของพ่อกับแม่ที่มีให้แก่บุตรนั้นไม่มีวันจืดจางและเปลี่ยนแปลง นอกจากพ่อกับแม่ของเราแล้วจะมีสักกี่คนที่ทำทุกสิ่งทุกอย่างให้แก่เราได้โดยที่ไม่หวังสิ่งใดตอบแทน ทุกวันนี้ทั้งสองท่านนั้นแก่ชราลงมากน้อยแค่ไหนแล้วเราเคยสังเกตุหรือไม่ สองมือที่เคยไกวเปลและอุ้มประคองเราสมัยที่เรายังเป็นเด็กนั้นบัดนี้มือทั้งสองข้างของท่านยังใช้งานได้ดีอยู่หรือไม่ มีเรี่ยวแรงที่จะหยิบจับสิ่งของต่างๆมากน้อยเพียงใด อย่าให้คนแรกที่นึกถึงเรากลายเป็นคนสุดท้ายที่เรานึกถึง ตอบแทนได้ให้รีบตอบแทนกตัญญูได้ให้รีบกตัญญู ร่างกายนี้เป็นสิ่งที่พ่อแม่ให้มาหากเราใช้ร่างกายนี้ไปทำในสิ่งที่ไม่ดี ในสิ่งที่ผิดศีลธรรม หรือในสิ่งที่ผิดกฎหมายก็จะทำให้พ่อแม่ของเรานั้นต้องเสียใจซึ่งถือว่าเป็นความอกตัญญูอย่างหนึ่ง ฉะนั้นเราอย่าได้ทำในสิ่งที่ไม่ดีต่างๆเหล่านี้โดยเด็ดขาด เราควรทำแต่ความดีดำรงค์ตนอยู่ในศีลธรรมเพื่อให้พ่อกับแม่ของเรานั้นภูมิใจและสุขใจสบายใจเพราะความหวังสูงสุดของผู้เป็นพ่อเป็นแม่นั้นก็คืออยากเห็นลูกของตนเป็นคนดีนั่นเอง ทุกท่านจิตแรกเริ่มเดิมทีของมนุษย์เราก่อนที่จะถูกกิเลสตัณหาต่างๆทางโลกครอบงำนั้นมีความบริสุทธิ์ดีงามเปรียบได้ดั่งจิตใจของเด็กทารกที่ไร้เดียงสา ความรู้สึกและพฤติกรรมต่างๆที่แสดงออกมานั้นมีแต่ความจริงใจไร้เล่ห์เหลี่ยมมารยาใดๆทั้งสิ้นและมีคุณธรรมทั้งห้านั้นเป็นพื้นฐาน(ร่วมศึกษาถึงคุณธรรมทั้งห้าได้ในโพสต์ที่1-7) ด้วยเหตุที่ว่ายังไม่ถูกกิเลสตัณหาต่างๆทางโลกครอบงำดังนั้นสภาวะจิตแรกเริ่มเดิมทีนี้จึงเป็นสภาวะของการหลุดพ้น(สำเร็จธรรม)แต่เมื่อใช้ชีวิตทางโลกนานเข้าจึงถูกกิเลสตัณหาต่างๆครอบงำทำให้จิตแรกเริ่มเดิมทีที่บริสุทธิ์ดีงามไร้เล่ห์เหลี่ยมมารยานี้แปดเปื้อนมัวหมองหลงสร้างบาปเวรกรรมจนทำให้ต้องเวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จักจบสิ้น ด้วยเหตุนี้เหล่าพระพุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์และศาสดาทั้งหลายจึงได้ลงเกิดกายบนโลกเพื่อชี้แนะสั่งสอนหนทางที่จะหลุดพ้นจากกิเลสตัณหาให้แก่มนุษย์ เปลี่ยนจิตใจที่ลุ่มหลงให้กลับมาบริสุทธิ์ดีงามเหมือนเช่นเดิมโดยใช้วิธีการต่างๆไม่ว่าจะเป็นการอธิบายถึงหลักธรรม การให้สร้างคุณงามความดี การให้สร้างบุญสร้างกุศลและวิธีการอื่นๆอีกมากมายซึ่งหนึ่งในวิธีการต่างๆนั้นก็คือสอนให้กตัญญูรู้คุณเพราะความกตัญญูรู้คุณนี้เป็นจิตใจของเด็กทารก(จิตเดิม,หลุดพ้น)เด็กเล็กๆนั้นจะมีความรักความผูกพันธ์ความห่วงหาอาทรต่อพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดด้วยความจริงใจซึ่งความรู้สึกเหล่านี้เป็นพื้นฐานของความกตัญญูฉะนั้นถ้าหากเรามีความกตัญญูรู้คุณแล้วเราก็จะสามารถเข้าถึงจิตเดิมแท้ซึ่งเป็นสภาวะแห่งการหลุดพ้นได้และยิ่งถ้าหากเราสามารถแสดงความรู้สึกและทำทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความจริงใจอย่างถึงที่สุดเหมือนจิตใจของเด็กทารกด้วยแล้ว เราก็จะสามารถสัมผัสถึงธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ซึ่งเป็นสิ่งที่ให้กำเนิดดวงจิตของเราอีกด้วย เด็กทารกนั้นมีความจริงใจเป็นพื้นฐานวิธีที่จะเข้าถึงจิตใจของเด็กทารก(จิตเดิม,หลุดพ้น)ได้ง่ายและเร็วก็คือการทำทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความจริงใจนั่นเอง วันนี้หากพ่อแม่ของเรายังมีชีวิตอยู่ให้รีบเร่งกตัญญูตอบแทนพระคุณท่าน แต่ถ้าหากท่านล่วงลับไปแล้วก็ให้หมั่นสร้างบุญสร้างกุศลอุทิศให้แก่ท่านและระลึกถึงพระคุณของท่านอยู่เสมอ แต่ถึงแม้ว่าท่านจะยังมีชีวิตอยู่หรือล่วงลับไปแล้วก็ขอให้เราดำรงค์ตนเป็นคนดีให้สมกับที่พ่อแม่ทุกคนอยากให้ลูกของตนเองเป็นนั่นเอง ผู้น้อยด้อยด้วยปัญญาหากในโพสต์นี้มีสิ่งใดที่ผิดพลาดขอทุกท่านโปรดช่วยส่งเสริมชี้แนะ ขอพระคุ้มครองทุกท่าน*

1 view0 comments

Recent Posts

See All

พุทธ

พุทธ

Comments


bottom of page